
นายสุขสันต์ ยศะสินธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CHAYO เปิดเผย THAIRATHMoney ว่า ทิศทางการรับซื้อหนี้เสียของบริษัทนำมาบริหารจัดการในปี 2566
เศรษฐศาสตร์ คาดว่าจะมีโอกาสจะเข้าซื้อหนี้มูลค่ามากกว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยเป็นผลมาจากทิศทางของหนี้เสียในระบบนั้นเพิ่มขึ้นจากการสิ้นสุดโครงการช่วยเหลือของภาครัฐ “สัญญาณของหนี้เสียในระบบในปี 2566 เราประเมินว่าจะมีเพิ่มขึ้น โดยเริ่มเห็นตั้งแต่เดือน มิ.ย.ปีที่ผ่านมาที่ ภาครัฐสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ ทำให้ในเดือนถัดมาทั้งในเดือน ก.ย. และ ต.ค.เริ่มเห็นสัญญาณของการเร่งรัดติดตามหนี้เพิ่มขึ้น” ภายหลังที่ภาครัฐสิ้นสุดในช่วงเดือน มิ.ย.2565 นั้นหนี้เสียในระบบเริ่มมีมากขึ้น ทำให้มีการใช้บริการติดตามหนี้ของบริษัทเพิ่มขึ้น แต่หลังจากนั้นในช่วงปลายปีธนาคารมีการเทขายหนี้ เอ็นพีแอลออกมา โดยทางบริษัทได้เข้าซื้อหนี้มีหลักประกันปีก่อนซื้อได้มากกว่า 1.24 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ในส่วนของบริษัทตามปกติจะมีการเข้าซื้อหนี้เสียในระดับ 1 หมื่นล้านบาทต่อปี แต่ในปีนี้น่าจะเข้าซื้อมากกว่าปกติ ทั้งนี้ในด้านธุรกิจของบริษัทในปี 2566 มองว่าจะเติบโตในทุกด้าน ทั้ง ธุรกิจการรับจ้างบริหารติดตามหนี้ เติบโตที่ดีตั้งแต่ เดือน ก.ย.ปี 65 เพิ่มขึ้นถึงปัจจุบัน นอกจากนี้บริษัทจะมีการบริหารจัดการทรัพย์ที่มีหลักประกันชิ้นใหญ่ 2 รายการ โดยความคืบหน้านั้นอยู่ระหว่างการเจรจา คาดว่าจะเห็นในช่วงไตรมาสที่ 2 หรือ ไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ สำหรับการหาแหล่งเงินทุนในช่วงที่ภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นจะส่งผลต่อการหาแหล่งเงินทุนกับบริษัท หรือไม่นั้น ส่วนตัวมองว่า การหาแหล่งเงินทุนในทุกสภาวะตลาดไม่ว่าจะเป็นดอกเบี้ยขาขึ้น หรือ ดอกเบี้ยขาลง นั้นมีปัญหาเหมือนกัน
แต่เราต้องบริหารจัดการได้ ซึ่งแหล่งเงินทุนในการขยายธุรกิจของปี 2566 บริษัทได้เตรียมการล่วงหน้าแล้ว ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี ประเมินว่า CHAYO ประกอบธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ข่าวเศรษฐศาสตร์ รวมถึงการให้บริการติดตามและทวงถามหนี้ด้อยคุณภาพ ทั้งนี้จากข้อมูลตั้งแต่ปี 2014 (หลังจากบริษัทมุ่งเน้นดำเนินธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพอย่างจริงจัง) บริษัทมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในส่วนของรายได้และกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน ทั้งนี้ บล.กรุงศรี คาดว่า กำไรปกติ 2565 จะเพิ่มขึ้น 7% เป็น 233 ล้านบาท โดยกำไรไตรมาสที่ 4 ที่ 68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 89% จากไตรมาสก่อน จากการเก็บหนี้ ที่ดีขึ้นหลังเปิดเมือง ขณะที่กำไรปี 2566 คาดว่าจะเติบโตโดดเด่นกว่า 45% สู่ระดับ 338 ล้านบาท หนุนโดย 1 สถาบันการเงินขายหนี้ออกมาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในภาวะหนี้เสียที่เพิ่มมากขึ้นตามการตั้งสำรองในปีนี้ โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2023-2024 เติบโตปีละ 20-25% 2 เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวช่วยให้ลูกหนี้เริ่มกลับมามีกำลังจ่ายคืนหนี้ รวมถึงจ่ายคืนหนี้มากขึ้นเนื่องจากต้องการให้ความสามารถในการกู้เงินทำธุรกิจกลับเป็นปกติ และ 3 การออกหุ้นกู้ 1.8 พันล้านบาทในปีที่ผ่านมาช่วยเพิ่มความสามารถในการซื้อหนี้มาบริหาร นอกจากนี้บริษัทยังมี Upside risk จากคดีที่ดินราว 300 ล้านบาท (ก่อนหักภาษี) หากว่าไม่มีการยื่นอุทธรณ์ คาดว่ากรมบังคับคดีจะเรียกให้ลูกค้าชำระในส่วนที่เหลือภายใน 30 วัน หลังจากศาลมีคำสั่งเพิกถอนหรือยกเลิกคำร้องการคัดค้านการเพิกถอนการขายทอดตลาดเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา
แนะนำข่าวเศรษฐศาสตร์ อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : ‘เอกชนเพิ่มค่าแรงพนักงาน’ความหวังฟื้นเศรษฐกิจรัฐบาลญี่ปุ่น